Cristiano Ronaldo
"จอมสับสะท้านโลก" |
คริสเตียโน โรนัลโด
(โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo) ชื่อเต็มว่า กริชเตียนู รูนัลดู ดูช ซังตูช อาไวรู (โปรตุเกส: Cristiano
Ronaldo dos Santos Aveiro) เป็นนักฟุตบอล ชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด
สวมเสื้อหมายเลข 7 และย้ายไปด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร
2008 จัดทำโดยแอลจี
บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1[2]
เนื้อหา
[ซ่อน]
ประวัติ
คริสเตียโน
โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา
ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548
ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช
อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง
8 ปอนด์
ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้น
บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ นายโรนัลด์ เรแกน
อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่[3]
ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟาลเซา
เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก
โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน
พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ
เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ ทีม Andorinha
โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้
พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีม
Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล[4]
นักฟุตบอลอาชีพ
เมื่ออายุ
12 ปี
โรนัลโดได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ ๆ ของโปรตุเกสมากมาย
โรนัลโดเลือกค้าแข้งกับสปอร์ติงลิสบอน ทีมโปรดของตัวเอง จนอายุ 17 ปี
โรนัลโดได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของสปอร์ติงเป็นครั้งแรก
แล้วก้าวไปติดทีมชาติโปรตุเกสชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีในศึกชิงแชมป์ยุโรป
โรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง
ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม
และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้คว้าตัวโรนัลโดไปร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 12.5
ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2003-2004
โรนัลโดใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ชิพ
และผลงาน 8 ประตู
จากการลงสนาม 39 นัด
ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับมิลล์วอลล์
ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Sir
Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04
คริสเตียโน
โรนัลโด เล่นในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร
2004 ก่อนพ่ายให้กับ
กรีซ
ในฤดูกาลที่
2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ในฤดูกาล 2005/06
โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง
ด้วยการทำ 12 ประตู
จากการลงสนาม 47 นัด
โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร
(FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน
ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย
ในศึกฟุตบอลโลก
2006 โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้เวย์น
รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า
อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[5]
เมษายน 2007
คริสเตียโน โรนัลโด
คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007
ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษหรือพีเอฟเอไปครอง
โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน
หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977
หรือ ราว 30 ปีก่อน [6]
เมื่อวันที่
11 มิถุนายน
ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยอมรับว่า
ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์
ซึ่งก็ปรากฏว่าโรนัลโดก็มีความต้องการที่จะออกจากคลับเช่นกัน
โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก[7]
งานอื่น
ด้วยความสามารถและความโด่งดัง
จึงมีเอเย่นต์สนใจเขามาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หลายชิ้น
ภาพลักษณ์ของโรนัลโดสร้างความสำเร็จให้กับการตลาดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น
วิดีโอเกมต่าง ๆ ไปจนโทรศัพท์มือถือ
นอกจากนี้ความหล่อเหลาของเขาก็ยังทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารแฟชั่นอีกด้วย
นิตยสารโวกของอเมริกา นำเสนอเขาไปเป็นแบบปก
และเขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาอย่าง ไนกี้
โดยทางไนกี้เล็งเห็นว่าโรนัลโดมีฝีเท้าที่เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก
จึงได้คุยกับโรนัลโดเพื่อผลิตรองเท้าที่เบา พัฒนารองเท้า รองเท้ารุ่น Mercurial
Vapor ออกมา[8][4]
ชีวิตส่วนตัว
พ่อของโรนัลโดเป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก
ๆ ที่ชื่ออันโดนีญา และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อ Fernao
Sousa เป็นพ่อทูนหัว
ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโดช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี
ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่มาเดร่า ส่วนพี่สาวอีกคน คาเทีย เป็นนักร้อง
มีวงดนตรีชื่อ "Ronalda"[4]
โรนัลโดประกาศว่าเขาได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
ค.ศ. 2010 โดยประกาศในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา
โดยพูดว่า เขาได้ลูกชายและต้องการความเป็นส่วนตัว โดยลูกชายของเขาชื่อว่า
คริสเตียโน โรนัลโดย จูเนียร์ ที่กำเนิดมาจากหญิงนิรนาม[9] โดยเขาได้รับสิทธิในการดูแลเด็กอย่างสมบูรณ์[10] ภายใต้การดูแลจากแม่ของโรนัลโดและพี่สาว[11]
เกียรติยศที่ได้รับ
เกียรติยศร่วมกับสโมสร
แชมป์
เอฟเอ คัพ ปี 2004
แชมป์
คาร์ลิ่ง ลีก คัพ ปี 2006
แชมป์
พรีเมียร์ชิพ ปี 2006 - 2007
แชมป์
พรีเมียร์ชิพ ปี 2007 - 2008
แชมป์
ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ปี 2008
แชมป์
สโมสรโลก ปี 2008
แชมป์
คาร์ลิ่ง ลีก คัพ ปี 2009
แชมป์
พรีเมียร์ชิพ ปี 2008 - 2009
เกียรติยศเฉพาะตัว
นักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมของโปรตุเกส
ปี 2002
รองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
ปี 2004
หนึ่งในสมาชิกทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า
ประจำปี 2004
ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาพันธ์นักฟุตบอลอาชีพ
ปี 2005
รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม
และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ
รองเท้าทองคำ
(ดาวซัลโวสูงสุด) ปี 2008
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟิฟโปร
ปี 2008
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า
ปี 2008
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี
2008 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ
"จอมสับสะท้านโลก"
ที่มา:http://www.youtube.com/watch?v=KTMmYemGEMc&feature=player_embedded
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น